"มาค้นพบความจริงที่น่ากลัวของเชื้อรา ก่อนที่คุณจะต้องบอกลาเล็บของคุณ เชื้อรามันร้ายกาจกว่าที่คุณคิดและมันทำร้ายร่างกายของคุณได้ มากกว่าที่คุณรู้ !"

---

จากผู้เขียน: จากข้อมูลทางสถิติ คนไทยร้อยละ 33% ต้องทนทุกข์ทรมานจากเชื้อราที่บริเวณเล็บเท้า โดยสาเหตุของการติดเชื้อรานั้นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุเนื่องมาจากความบกพร่องการทำงานของร่างกายที่เกิดความอ่อนแอ หรือการเลือกรองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน

โดยวันนี้ผู้เชี่ยวชาญ สุทธิพงษ์ หอมประดิษฐ์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ในประเทศไทย จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับนวัตกรรมล้ำสมัยทางเทคโนโลยีที่จะดูแลปัญหาเชื้อราที่เล็บเท้าของคุณ ภายในเวลาแค่ 1 เดือน กับการกำจัดปัญหาเชื้อราที่เล็บเท้าได้เองที่บ้าน

---

ผู้สื่อข่าว: สวัสดีครับ ผู้เชี่ยวชาญสุทธิพงษ์ ก่อนอื่นเลยผมอยากจะเริ่มจากคำถามหลักเลยนะครับ จริงหรือเปล่าครับที่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรามากที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญสุทธิพงษ์: ใช่ครับ ประเทศไทยมีจำนวนประชากรที่กำลังประสบกับเชื้อราค่อนข้างสูงครับ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย บวกกับสุขอนามัยที่ไม่เหมาะสม สถานที่บริการสาธารณะไม่มีความสะอาดเพียงพอ และการไม่ใส่ใจกับเรื่องความสะอาด

ผู้สื่อข่าว: “ผู้เชี่ยวชาญสุทธิพงษ์ครับ แล้วการเป็นเชื้อราที่เล็บเท้าหรือเชื้อราที่เท้ามันร้ายแรง หรือมีความอันตรายมากไหมครับ”

ผู้เชี่ยวชาญสุทธิพงษ์: หลายคนคิดว่าการติดเชื้อราไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแต่อย่างใด อาจจะส่งผลเสียทางด้านความสวยงามของเล็บเท้าไปเท่านั้น แต่มันจะเป็นแค่เรื่องความสวยงามเท่านั้นหรือเปล่า มาค้นหาความจริงกันเลยครับ!

เชื้อราที่เท้าและเล็บ หรือศัพท์ทางการที่เรียกว่า onychomycosis
เป็นเชื้อราที่ค่อนข้างมีความร้ายแรง เชื้อราที่เล็บหากปล่อยไว้ไม่กำจัดหรือดูแลเป็นเวลานาน สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ และส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายอ่อนแอลง และก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรังต่างๆตามมา
ถ้าคุณมีอาการเรื้อรังของผิวหนังบางประเภท อาจจะทำให้มีความเสี่ยงการเกิดหรือติดเชื้อราทางผิวหนังได้มากขึ้นหลายเท่า

และนี่หมายความว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริเวณเท้าหรือเล็บนั้นอาจจะก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อชีวิตได้ ซึ่งเราจะกล่าวในบทความดังต่อไปนี้:

ประการแรกที่ผู้เชี่ยวชาญอยากจะบอกนะครับ “ปัญหาเชื้อราที่เท้าและเล็บ” ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยทั่วไป การติดเชื้อของร่างกาย โดยที่เชื้อราจะอาศัยร่างกายของเราในการเจริญเติบโต และประการที่สอง ตัวเชื้อราเองนั้นอาจจะไม่ได้มีอันตรายที่ร้ายแรงมากนัก แต่เชื้อราจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆให้เกิดขึ้นได้

พูดกันง่ายๆว่า ถ้าหากคุณป่วย ไม่ว่าจะมีปัญหาทางด้านกระเพาะอาการหรือตับ เมื่อคุณเป็นเชื้อรา ระบบการทำงานของร่างกายจะถูกโจมตี โดยเชื้อราจะส่งผลให้เกิดปัญหาตามร่างกายต่างๆตามมา ทำให้กลายมีอาการเรื้อรัง

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเป็นเชื้อราแล้ว ไม่ได้รับการดูแล"

ในคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป การติดเชื้อราจะทำให้เป็นหวัดบ่อย มีอาการหอบหืด และปัญหาของการทำงานในอวัยวะภายในถูกรบกวน ในช่วงวัยนี้การเป็นเชื้อราที่เล็บ อาจจะส่งผลต่อผิวหนังบริเวณช่วงขาส่วนล่างทั้งหมดได้ ดังนั้นถ้าหากร่างกายมีการติดเชื้อราแล้ว ไม่ควรที่จะรีรอหรือเพิกเฉยในการกำจัดหรือดูแล เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนบางประการอาจจะส่งผลต่อชีวิตได้

"และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ..."

กระบวนการสำคัญในการดำรงชีวิตของเชื้อรา เชื้อราจะทำการปล่อยสารพิษคือ xanthomega, penicillin, viomellein และสาร antibiotic อื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับสารดังกล่าว และเมื่อร่างกายได้รับสารพิษเหล่านี้เพียงแค่ครั้งเดียว มันก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงต่อร่างกายได้ เพื่อความชัดเจนนี่คือรูปภาพตัวอย่าง (โปรดระวัง! 18+)

Toxidermia: ก่อให้เกิดอันตรายบริเวณขาและแขน

Lyell's syndrome (เป็นพิษทำให้ผิวหนังชั้นนอกถูกทำลาย ร้อยละ 80% ของผู้ป่วยเสียชีวิต):

และถ้าหากไม่ได้ทำการแก้ไขปัญหาเมื่อมีการติดเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆ เชื้อราจะเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าไปทำลายอวัยวะภายใน และเมื่อร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วนั้นจะกระตุ้นให้เกิดภาวะการติดเชื้อ และอาการแทรกซ้อนอื่นๆตามมา : สารพิษ จะก่อให้เกิดบาดแผลจากการระคายเคืองที่หัวใจ อวัยวะสำคัญในช่องท้อง และไต

หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที อาจจะก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้สูงถึง ร้อยละ 95%

หากคุณไม่เริ่มกำจัดเชื้อราในระยะเริ่มแรก ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี เชื้อราจะทำลายโครงสร้างของแผ่นเล็บจนหมดและส่งผลให้เล็บของคุณหลุดออก

ผลข้างเคียงของเชื้อราที่เล็บและนิ้ว:

ในผู้ป่วยบางรายที่เพิ่งจะติดเชื้อราได้ไม่นาน การกำจัดเชื้อราให้หายไปนั้นค่อนข้างจะง่ายกว่า แต่หากเชื้อรานั้นได้ทำการแพร่กระจายไปสักระยะแล้ว การดูแลอาจจะต้องใช้เวลา เนื่องจากไม่สามารถทำให้หายไปได้ทันที หลายคนคิดว่าอยากให้มีวิธีกำจัดเชื้อราได้ง่ายและรวดเร็ว แล้วผิวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเชื้อรานั้นไม่ได้หายไปอย่างแท้จริง และถ้าไม่ทำอะไรเลยเชื้อราก็จะแพร่กระจายไปบริเวณส่วนอื่นๆตามร่างกาย อาจจะเป็นทั้งเท้าและเล็บ

มีเคล็ดลับที่บอกว่าเชื้อราที่เล็บจะหายไปได้โดย : “ล้างเท้าและล้างเล็บด้วยน้ำส้มสายชู 2% และหยดไฮโดรเจนเปอร์รอกไซด์” มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยนะครับ ทำแบบนี้จะยิ่งทำให้อาการยิ่งแย่ลง เพราะความเป็นด่างนั้นจะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น และมันเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทราบ...

"ในร้านจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพ ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่กำจัดเชื้อราได้จริง!"

ตัวเลือกที่ 1 - Systemic drugs

ผมอยากจะบอกความจริงเกี่ยวกับเงินที่คุณได้เสียไปกับการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการสั่งจ่าย และมันจะไม่ช่วยให้เชื้อราหายไป แต่บางครั้งอาจจะแค่ช่วยให้อาการสงบลงชั่วคราว แต่ว่าเชื้อรานั้นไม่ได้หายไปไหน แต่หลังจากนั้นอาการก็จะกำเริบกลับมาเป็นอีก และอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น : ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว

ตัวเลือกที่ 2 - ผลิตภัณฑ์ประเภททาหรือหยดน้ำ

ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มักจะก่อให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรงมาก และเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยในการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ เมื่อทาลงบนบริเวณที่เกิดเชื้อรา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวในแต่ละบุคคลเช่นกัน บางคนอาจจะมีอาการแพ้ง่ายมากกว่าคนอื่น

"แล้วจะใช้อะไรกำจัดเชื้อราที่เท้าและเล็บได้บ้าง"

ในการกำจัดเชื้อรานั้นคุณจำเป็นจะต้องทำการกำจัดสปอร์ของเชื้อรา เพื่อการยับยั้งการเจริญเติบโต ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถกำจัดสปอร์ของเชื้อราได้อย่างถาวร จะมีผลเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น จนมาในปี 2020 สถาบันของเราได้ทำพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถ “หยุด” สปอร์ของเชื้อราได้ ไม่ให้เจริญเติบโตได้ ผลิตภัณฑ์มีชื่อว่า "Exovitol" เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทครีมต่อต้านเชื้อรา ที่เนื้อครีมสามารถซึมลึกลงไปในชั้นผิวและกำจัดเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราได้ใช้เวลาทำงานวิจัยกว่า 10,000 ชั่วโมง และใช้งบประมาณไปกว่า 3 ล้านดอลลาร์ ในการผลิต ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้ทำการคิดค้นหลายสูตรจนได้สูตรผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อรา

ผลิตภัณฑ์นี้สถาบันวิจัยชั้นนำต่างๆได้ให้การยอมรับ ทั้งในภูมิภาคยุโรปและภูมิภาคเอเชีย ในประเทศฝรั่งเศส จำนวนผู้ป่วยที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้ว พบว่าเชื้อราบริเวณที่พบในส่วนต่างๆของร่างกายได้หายไปนั้นอยู่ในเปอร์เซนต์ที่สูงมาก และตอนนี้ผลลัพธ์การทดลองจากงานวิจัยในประเทศฝั่งเอเชีย จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ได้แสดงให้เห็นว่าผลการทดลองดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากการทดลองให้คำตอบในเรื่องประสิทธิภาพที่สูงมากของตัวผลิตภัณฑ์

ผู้สื่อข่าว: "แล้วจะหาซื้อได้ที่ไหนครับ แล้วทำไมถึงไม่มีการจัดจำหน่ายในร้านจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทั่วไป"

ผู้เชี่ยวชาญสุทธิพงษ์: เหตุผลที่ไม่ได้วางจำหน่ายในโรงพยาบาลก็เพราะว่า อาจจะก่อให้เกิดการทุจริต เนื่องจากตัวผลิตภัณฑ์อาจจะถูกแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยที่มีกำลังทรัพย์ในการจ่ายเงิน ผู้เชี่ยวชาญต่างๆอาจจะจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาที่แพง ดังนั้นการออกใบรับรองการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จึงเกิดขึ้นภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของสถาบันวิจัยทางด้านผิวหนังและภูมิคุ้มกันวิทยาเท่านั้น สามารถหาซื้อได้ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ตอนนี้สถาบันวิจัยทางด้านผิวหนังและภูมิคุ้มกันวิทยากำลังจัดโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษ สำหรับการสั่งซื้อครีม «Exovitol» ราคาเพียง 990 ฿ เท่านั้น เพียงแค่เข้าไปที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการและกรอกแบบฟอร์ม ชื่อและเบอร์โทร

ผู้สื่อข่าว: "สรุปว่า คนไทยสามารถซื้อครีมนี้ได้ในราคา 990 ฿ จากราคาปกติ 11,000 บาท ในการกำจัดเชื้อราใช่ไหมครับ"

ผู้เชี่ยวชาญสุทธิพงษ์: ใช่ครับ คนไทยทุกคนสามารถซื้อครีม «Exovitol» ได้ในราคาพร้อมส่วนลด

"แต่" - เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการอุดหนุนจากงบประมาณการเงินของสถาบันวิจัยทางด้านผิวหนังและภูมิคุ้มกันวิทยา และในตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 30,000 หลอด และสินค้าล็อตต่อไปนั้นจะได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยทางด้านผิวหนังและภูมิคุ้มกันวิทยา ซึ่งราคาอาจจะแพงกว่าประมาณ 5,000-6,000 บาท

ผู้สื่อข่าว: "แล้วตอนนี้ยังสามารถซื้อครีมในราคาส่วนลดได้ไหมครับ"

ผู้เชี่ยวชาญสุทธิพงษ์: ตอนนี้ครีมล็อตแรกเหลือประมาณ 1,500 หลอด แล้วครับ เนื่องจากผู้คนให้ความสนใจสูงมาก วันแรกที่เปิดตัวก็สามารถขายได้ 100 หลอด ผ่านไปสามวันขายได้เป็นพันหลอด ดังนั้นส่วนลดจะมีระยะเวลานานแค่ไหน ทางเราก็ยังไม่ทราบได้ แต่คาดว่าน่าจะเหลือระยะเวลาอีกเพียงแค่ 1-2 วันเท่านั้น หากนอกเหนือจากนั้นทางเราจำเป็นต้องรองบประมาณสนับสนุนจากทางภาครัฐครับ

พิเศษสำหรับผู้อ่านบทความของเรา เราได้มอบลิงค์ส่วนลดพิเศษสำหรับการสั่งซื้อครีมให้ด้วยครับ

โปรดทราบ! ตอนนี้สถาบันวิจัยชั้นนำทางด้านผิวหนังและภูมิคุ้มกันวิทยา มีครีมเหลือเพียง 44 หลอดเท่านั้น จากชุดแรกที่ได้รับเงินสนับสนุนจากงบประมาณของรัฐ